อาการปวดท้องและท้องอืดซ้ำๆ สร้างความรำคาญไม่น้อย ยิ่งเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังยิ่งชวนปวดหัว ปวดตัว แม้โรคกระเพาะอาหารอักเสบจะไม่ใช่โรคที่รุนแรง แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากโรคกำเริบซ้ำๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ทั้งนี้ ยังพอมีวิธีป้องกัน หากเราสามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรคได้ ก็จะช่วยลดโอกาสได้ไม่น้อย
ปัจจัยเสี่ยง
1.การสูบบุหรี่: บุหรี่มีสารเคมีและสารพิษมากมายหลายชนิด ส่งผลให้อัตราการเป็นแผลกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้มีกรดในกระเพาะมากกว่าปกติ นอกจากเยื่อบุกระเพาะอาหารแล้ว เยื่อบุลำไส้ส่วนอื่นๆ ก็จะได้รับผลกระทบด้วย

2.การดื่มแอลกอฮอล์: จะทำให้เกิดการกัดกร่อนทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก ในช่วงที่แอลกอฮอล์อยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก จะทำให้ความเป็นกรดของอวัยวะทั้งสองเพิ่มมากกว่าปกติ

3.การรับประทานอาหารรสจัด อาหารดอง: กระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้อง เพิ่มความระคายเคืองของเนื้อเยื่อ

4.การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา และการรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ

5.ความเครียดจากการทำงาน: กระตุ้นให้มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งกรดจะก่อการระคายเคือง และการอักเสบต่อเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร

6.การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร(pylori): ผ่านการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ
อาการกระเพาะอาหารอักเสบ รู้สึกไม่สบายช่องท้องส่วนบน, มีอาการท้องเฟ้อ, ปวดท้องจุกแสบ, แน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือช่องท้องส่วนบนเหนือสะดือ, คลื่นไส้ อาเจียนบ่อย, รับประทานอาหารได้น้อยกว่าเดิม, น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งนี้ แม้โรคกระเพาะอาหารอักเสบจะไม่พบอาการที่ร้ายแรง แต่หากอาการเกิดขึ้นเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น และถ้ามีอาการภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ปวดท้องรุนแรง หรือน้ำหนักลดลงมาก ควรพบแพทย์ทันที เพราะโรคกระเพาะอาหารอักเสบอาจก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีเลือดไหลในกระเพาะอาหาร นำไปสู่การเกิดภาวะโลหิตจางจากการสูญเสียเลือดได้ หรือมีโอกาสการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้
ขอบคุณที่มา pobpad