ชาวโซเชียลตอนนี้อาจจะได้รู้จัก แม่นายดัง กันไม่มากก็น้อยแล้ว วันนี้เราจะมาเปิดประวัติ แม่นายดัง หรือ ดัง พันกร บุณยะจินดา ที่เคยเป็นนักร้องดังยุค 90 มียอดขายทะลุล้านตลับ ตั้งแต่อัลบั้มแรก

ดัง พันกร เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2522 เป็นบุตรชายของ พลตำรวจเอก พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา มีพี่น้องร่วมครอบครัวอีกสองคน

จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของดังเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายยุค 90 ภายใต้สังกัด RS Promotion โดยมีคนแนะนำให้ไปเทสต์เสียงที่ บริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น และได้ออกอัลบั้มแรก ชื่อ Dunk ซึ่งประสบความสำเร็จ มียอดขายทะลุล้านตลับ จากนั้นก็อัลบั้มต่อๆ กัน ก่อนที่จะบินกลับไปเรียนต่อที่ระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ

ระหว่างที่เรียน ก็มีการบินกลับมาทำอัลบั้ม แต่หลังจากเรียนจบ ดัง ก็ได้กลับมาทำเพลงอย่างจริงจังอีกครั้ง ใส่ความเป็นตัวตน จนทำให้แฟนเพลงบางส่วนถึงกับตกใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนักร้องในดวงใจ

หลังจากหมดสัญญากับ ค่าย อาร์เอส ดัง ก็ยังเดินหน้าทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยการปล่อยเพลงอย่างต่อเนื่อง และใส่ความตัวเองลงไปแบบเต็มร้อย และเร็วๆ นี้ เจ้าตัวก็กำลังจะมีผลงานเพลงชุดใหม่มาให้แฟนๆ เพลงได้เห็นและฟังกัน

เมื่อมีโอกาสเจอ แม่นายดัง หรือ ดัง พันกร ก็ต้องจับมานั่งพูดคุยกันสักหน่อย โดยถามตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเป็นนักร้องเลย ซึ่งแม่นายก็ตอบแบบไม่กั๊กว่า
“มีพี่แนะนำให้ลองเทสต์เสียงที่ อาร์เอส ดู เราเลยไปลองเทสต์เสียง เป็นจุดเริ่มต้น ไปออดิชั่น ไปร้องเพลงแล้วก็ให้ผู้ใหญ่ฟัง ผู้ใหญ่ก็สนใจเขาก็เลยติดต่อเรากลับมาก็เลยเป็นที่มาที่ไปของการได้เป็นศิลปินคลอดที่อาร์เอสลาดพร้าว 15”

ดังมาก ดังสมชื่อ อัลบั้มแรกขายได้ เป็นล้านตลับ?
“มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง เป็นความใฝ่ฝันของเราตั้งแต่ยังเล็กว่าอยากเป็นนักร้อง อยากเป็นนักร้องที่มีเพลงเป็นของตัวเอง มีอัลบั้ม มีคนดูเยอะๆ มีคนกรี๊ดเวลาเราขึ้นเวทีอะไรแบบนี้ คือธรรมดาเวลาอยู่บ้านจัดงานเลี้ยงดังก็จะขึ้นไปร้องแต่ไม่ได้มีเสียงกรี๊ดไงจะเป็นเสียงตบมือ แต่ว่าความใฝ่ฝันของเราคืออยากเป็นนักร้องจริงๆ”
นอกจากดังเรื่องผลงาน คนก็จับตามองเรื่องโปรไฟล์นามสกุลลูกคนใหญ่คนโต เรากดดันไหม?
“จริงๆ ไม่ได้กดดันครับ เพราะเราไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องไปเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้สึกแค่ว่าเราเป็นนักร้องและนั่นคือความฝันของเราจุดโฟกัสของเรามันอยู่แค่การทำงานเป็นนักร้อง ถึงเราจะไม่ได้เป็นนักร้องเราเป็นลูกคุณพ่อ ไม่ได้มองว่าพ่อเราเป็นอธิบดีกรมตำรวจนะ ไม่ได้มีอะไรอภิสิทธิ์หรือแตกต่างจากคนอื่น”

ในยุคนั้นล้านตลับถือว่าเป็นที่สุดของเราในฐานะนักร้องไหม?
“พอมองย้อนกลับไปก็ภูมิใจเหมือนกันว่าขายได้ล้านตลับ แต่ตอนนั้นเราทำแต่งานทุกวัน ไม่มีเวลามานั่งคิดว่าเราขายได้ล้านตลับ ไม่มีเวลามานั่งภูมิใจด้วยซ้ำไป จำได้ว่าไปทัวร์คอนเสิร์ตเสร็จ กลับมาเข้าห้องอัดต่อเลย รุ่งเช้าก็ไปคอนเสิร์ตอีก กลับมาทำงานต่อ
มีเวลาว่างวันนึงก็ถ่ายปกอะไรแบบนี้ คือไม่มีเวลาให้เรามานั่งชื่นชมผลงานเราเลย เราทำงานทุกวัน ตอนนั้นสุขภาพเราคือต้องมาเป็นอย่างแรก เพราะว่าเราต้องทำงานตลอด ถ้าเป็นอะไรไปขึ้นมางานมันก็จะถูกยกเลิกไป ก็พยายามดูแลตัวเอง เรื่องยอดขายไม่อยู่ในความคิดเลยเพราะเราก็สนุกกับงานที่เรารักแล้ว”
พอกลับจากไปเรียนต่างประเทศ ออกอัลบั้มใหม่ เป็นแฟชั่นที่หลายคนตกใจ?
“มันเป็นอะไรที่เติบโตขึ้นและดังก็เชื่อว่าทุกคนแฟนเพลงของดังที่ผ่านมาจากรายการ จากไลฟ์สไตล์ ตามหนังสือก็ดี การที่เราได้รู้จักกันมาเขาก็เห็นแล้วแหละว่าเราเป็นคนแบบไหน แล้วเขาก็เห็นว่าเราไปทางนี้ได้ เขาก็รับได้ลึกๆ รู้อยู่แล้วว่านิสัยเราเป็นแบบนี้แหละ อ๋อ..ตื่นตาตื่นใจดีนะ แต่ก็พี่ดัง เขารู้สึกได้ว่า ไม่ใช่ว่าออกมาแล้ว โห..พี่ดังคนละเรื่องเลย ไม่ใช่
มันเหมือนจะมีเซ้นต์ที่บอกแฟนๆ ว่าพี่ดังเป็นแบบนี้นะ ชอบแบบนี้นะ แฟชั่นแบบนี้นะ เขาร้องแบบนี้ เขามาทำแบบนี้ อาจจะไม่ได้คาดหวังแต่มันก็เป็นที่ดังในอีกแบบนึงที่เป็นไปได้ เขาก็เลยเชื่อในตัวเรา นี่เป็นความเป็นตัวตนที่คิดว่าสำคัญมากสำหรับการเป็นนักร้อง คือความเป็นตัวเอง ที่ทำให้ดังรู้สึกว่ามันอยู่ตรงนี้ได้นานเพราะว่าเราไม่ต้องเสแสร้งเป็นคนอื่น”

จากสามีของสาวๆ มาเป็นตัวเอง?
“ตอนนั้นก็เป็นตัวเองและไม่ได้มองว่าจะเป็นสามีหรือจะเป็นอะไรทั้งสิ้นเลย เราก็เป็นตัวเองมาตลอด เพียงแต่ว่ากาลเวลาต่างไปมุมมองคนจะมองต่างไป แฟนคลับเราก็โตขึ้นมีลูกมีสามีมีครอบครัว บางคนก็อยู่โสด บางคนก็แก่นำไปแล้ว (ยิ้ม) ก็ยังมี เพราะฉะนั้นความคิดความอ่านก็มองเราต่างไปจากเป็นสามี พอโตก็มีสามีของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังรักกันอยู่นะ เพราะฉะนั้นก็เลยมีสรรพนามต่างๆ ที่เรียกกันขึ้นมา”
ตอนที่เราเป็นตัวของตัวเองแฟนที่ไม่ใช่แฟนแท้ๆ อาจจะมีเอ๊ะ..มีถอยไป?
“ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชอบไม่ชอบ คิดง่ายๆ เลยว่าเราทำงานมีแค่ 2 อย่าง อย่าได้คิดมากถึงแม้ว่าจะมีคอมเม้นต์มากมายก่ายกองคำวิพากย์วิจารณ์ แต่สุดท้ายแล้วมีแค่ชอบกับไม่ชอบ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่คนชอบและคนไม่ชอบ เพราะฉะนั้นคนที่ชอบเรารักษาตรงนั้นไว้ให้ดี คนที่ไม่ชอบเรื่องของเขา ปล่อยไป
เพราะทำยังไงเขาก็ไม่ชอบ อันนี้ก็ทำให้เราได้โฟกัสงานของเราอย่างเต็มที่เราก็ไม่ต้องกังวลมากกับคำวิจารณ์ เวลาคนอื่นวิจารณ์เรา เราอ่านแล้วเราก็จะรู้ว่าคนนี้หวังดีชอบเราแต่เขาอยากให้เราเป็นแบบนี้นะ ในมุมมองเขาแนะเราไปทางนี้นะ เราอ่านแล้วรู้สึกว่าเราได้ทบทวนตัวเอง แต่บางคนวิจารณ์มารู้เลยว่าไม่ใช่แล้ว เขาคงจะไม่ชอบเราแน่ๆ ก็ต้องใช้วิจารณญาณและตัดออกอะไรที่มันทำให้เราบั่นทอนจิตใจ”

ตอนนี้กลายเป็นแม่นายในโซเชียล ที่ใครๆ ก็พูดถึง?
“มันเริ่มมาจากเพจเราเอาไว้ให้ข้อมูลข่าวสารเรื่องราวของเราในฐานะศิลปิน แล้วมันก็พัฒนามาเรื่อยๆ จากข่าวสารเราเอง จนกระทั่งคุยกันถึงเรื่องสังคมเขาคุยอะไรกันในกระแสเขาคุยอะไรกัน เราหยิบมาคุยกันเองในกลุ่มบ้างจนมันเติบโตมาเรื่อยๆ แต่อาจจะด้วยความที่เพจดังไม่เครียด ไม่เน้นความดราม่าจัด
เน้นแค่ความให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย อ่านแล้วหัวเราะนิดๆ คำว่าหัวเราะไม่ถึง 1 นาทีแต่มันก็สุขแล้ว แก้เครียดได้ไปหนึ่งเปราะแล้ว จริงๆ มันมีคอนเทนท์ข่าวสารแต่ว่าไม่เครียด ให้ข้อมูลดีๆ บ้าง แต่ว่าก็ต้องมีความตลกเข้ามาด้วย ด้วยความที่ตัวดังเองเป็นคนเฮฮามีอารมณ์ขันอยู่แล้ว ก็เลยจะมีความเล่นตัวเอง พอรู้ว่าเดี๋ยวจะมีคนมาเล่นเรา ก็ชิงเล่นตัวเองก่อนเลย”

เชื่อว่าจะเป็น แม่นายดัง ที่สวยแซ่บแบบทุกวันนี้ หรือจะเป็นสามีแห่งชาติในยุค 90 แฟนๆ ที่ตามตามผลงานของ ดัง พันกร ก็ยังคงรักและสนุบสนุนกับไปยาวๆ เพราะความเป็นตัวตนของนักร้องที่ชื่อ “ดัง พันกร”