ถ้าพูดถึงพิธีกร ที่ทำงานมายาวนาน และเป็นที่พิธีกรฟิวกู้ด แน่นอนทุกคนต้องคิดถึง “ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการทำรายการ ฝันที่เป็นจริง ทางช่อง 3 และรายการ ทไวไลท์โชว์, เกมเศรษฐี โดยปัจจุบันมีรายการที่ทำกับช่อง 3 คือ รายการ ครัวคุณต๋อย และ ทูเดย์โชว์

สำหรับเส้นทางการเป็นพิธีกร และเจ้าของรายการของ ไตรภพ ขึ้นลงเหมือนนั่งรถไฟเหาะ โดย ไตรภพ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด อดีตประธานบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

ก่อนที่ ไตรภพ จะเข้าวงการ เขาทำงานเป็นทนายความ ระหว่างนั้น ไตรภพ เข้าแข่งขันรายการเกมโชว์ รายการ “ล้มเค้า” ทางช่องททบ.5 ทำให้ก้าวสู่การเป็นพิธีกร ประเดิมด้วย รายการ “พลิกล็อก” ตามมาด้วย รายการ “ลาภติดเลข”
ต่อมา ไตรภพ ได้ไปทำงานที่กันตนา เป็นพิธีกรในรายการ ท้าพิสูจน์ ทางช่อง 7 สี แถมยังมีงานแสดง ที่หลายคนจำได้ในบท มังตราตะเบ็งชะเวตี้ ในละครเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” ทางช่อง 3 และเคยแสดงภาพยนตร์ 1 เรื่อง “อีก 10 วันโลกจะแตก”

ก้าวเข้าวงการอย่างเต็มตัวได้พักใหญ่ ไตรภพ ร่วมกับ น้องชาย “ก่อเกียรติ ลิมปพัทธ์” จดทะเบียน ก่อตั้ง บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์ ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มต้นจากรายการ “เอาไปเลย” แต่รายการที่โด่งดังคือ รายการ “ฝันที่เป็นจริง”

หลังจากนั้น ไตรภพเริ่มผลิตรายการ วาไรตี้โชว์ “ทไวไลท์โชว์” เป็นรายการที่ได้รับความนิยมและมีเรตติ้งที่สูงมาก ไม่ใช่แค่นั้น ไตรภพ ยังได้ “เกมเศรษฐี” พร้อมกับเป็นพิธีกรด้วยตนเอง ทำให้ ไตรภพ กลายเป็นผู้จัดเบอร์ต้นๆ ของช่อง 3

และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตการของ ไตรภพ ก็คือเป็นบุคคลหนึ่งในการรวมกันจัดตั้ง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ในราวต้นปี พ.ศ. 2539 ไตรภพ เข้ารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีครั้งที่ 1 แต่ด้วยมีความคิดที่แตกต่างจากผู้บริหารเนชั่นที่เข้าไปก่อนตั้งสถานทีไอทีวี ประกอบกับการที่“ไตรภพ” ยังทำรายการให้กับทางช่อง 3
ทำให้ ไตรภพ ขอยุติบทบาทการเป็นผู้อำนวยการสถานีฯ ชั่วคราว จากนั้นในช่วงปี พ.ศ. 2547 เมื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาการถือหุ้นของผู้บริหารเนชั่น ทำให้ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด จึงกลับเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ พร้อมกับ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไตรภพ จึงกลับมาเป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับย้ายรายการที่ผลิตโดย บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด จากช่อง 3 มาออกอากาศทางไอทีวีทั้งหมด
แต่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานปัญหาการปรับผังรายการที่ไม่ลงรอย ทำให้ไตรภพ กลายเป็นผู้เช่าเวลาของสถานี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ถูกสั่งปิดสถานี จนแปลงสภาพเป็น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายการทั้งหมดของ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด จึงยุติการออกอากาศลงด้วยเช่นกัน และทำให้ ไตรภพ หายไปจากวงการบันเทิงถึง 8-9 เดือนด้วยกัน
และกลับคืนสู้หน้าจออีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการร่วมงานกับทางช่อง 7 ผลิตรายการ “คลับเซเว่น” แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องยุติรายการไป จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พิธีดังเริ่มหมดไฟ คิดยุติบทบาทการเป็นพิธีกรและการทำรายการโทรทัศน์ จึงเข้าไปลา “ประวิทย์ มาลีนนท์” ผู้บริหารช่อง 3 ในสมัยนั้น แต่ทาง “ประวิทย์ มาลีนนท์” ได้ยื้อไว้ พร้อมกับให้เวลาไปทำรายการใหม่ โดยใช้ชื่อรายการว่า “ทูไนท์โชว์” ใช้เวลาไม่นาน ก็ได้เวลาเพิ่ม จึงได้ส่ง รายการ “X – GAME เอ็กซ์เกม” แต่เมื่อมีการปรับผังรายการใหม่ทั้ง 2 รายการของ ไตรภพ ก็หลุดผังไป

ชีวิตพิธีของ ไตรภพ เหมือนแมว 9 ชีวิต ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวอะไรเข้ามา ก็ยังคงสามารถพาบริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด กลับมาได้อย่างสง่างามทุกครั้ง เมื่อผังใหม่ของ ทางสถานีฯ ช่อง 3 ปี พ.ศ. 2556 ได้จัดเวลาให้ ไตรภพ ผลิตรายการ “ครัวคุณต๋อย” โดยให้เวลา 30 นาที และรายการ “ทไวไลท์โชว์” แต่ในช่วงนั้นรายการไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ ไตรภพ ยุติทำรายการทไวไลท์โชว์ และเปลี่ยนเป็นรายการ “ครัวคุณต๋อย Saturday”
เมื่อทั้ง 2 รายการอยู่ตัว ไตรภพ ได้คลอดรายการ ทูเดย์โชว์ เป็นรายการทอลก์โชว์ ที่รูปแบบรายการเหมือนกับ “ทูไนท์โชว์” ต่างกันเพียงแค่เปลี่ยนชื่อ และฉากของเวทีที่ทันสมัยขึ้น

โดย ไตรภพ ได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในวงการบันเทิงทั้งในฐานะผู้จัด และพิธีกรมา 44 ปี ไว้ว่า
“เทคนิคการเป็นพิธีกรที่ดีคือเราต้องจริงใจ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น แต่สำหรับผมมันจะง่ายหน่อย เพราะว่าผมทำแต่เรื่องดีๆ ผมจึงไม่ต้องมีหน้าที่ต้องคอยเครียด ผมทำเรื่องแฮปปี้ไลฟ์ แฮปปี้แฟมมิลี่ หน้าที่ผมที่ช่อง 3 วางไว้ตั้งแต่ต้นให้เป็นแบบนั้น ผมยังนึกภาพตัวเองไม่ออกเลย ถ้าต้องเป็นคนทำข่าว หรือพิธีกรข่าว พิธีกรการเมือง คงไปอีกแบบเลยชีวิต และเรายังมองตัวเองไม่ออกเลยว่าถ้าเราเป็นอย่างนั้นแล้วเราจะเป็นอย่างไร
ถามว่าอยากให้เรามีภาพอย่างไร คือถ้าเขาได้ประโยค หรือเขาได้อะไรบางส่วน หรือเขาจดจำเรื่องราวดีๆ เราดีใจ คุณลองแก่ดูซิ พอแก่แล้วสุดท้ายมันจะคิดได้แค่นี้ มันจะตายอยู่แล้ว และมันไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว เพราะสิ่งต่างๆ ที่คนพูดกัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทองเราผ่านมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นคนเราพอมาถึงช่วงชีวิตหนึ่งมันไม่คิดแล้วครับ มันคิดแค่ว่าทำให้ดีที่สุดเถอะ
ผมวางแผนเลิกมานานแล้วครับ ผมวางแผนเลิกมาตั้งแต่อายุ 45 ตอนนี้ 70 แล้วยังไม่ได้เลิกเลยครับ ผมว่ามันเป็นช่วงชีวิตของคนคนนึง ซึ่งยังเลิกไม่ได้คิดแค่นั้น เลิกก็ไม่ได้ก็ไม่ต้องเลิก ยังไหวก็ทำไป”

นอกจากนี้ ไตรภพ เผยเทคนิคในการสัมภาษณ์ให้กับพิธีกรรุ่นน้องได้ฟังอีก ว่า
“เทคนิคในการเป็นพิธีกรมี 2 อัน อันแรก 5 นิ้ว อันที่ 2 คือ 3 นิ้ว 5 นิ้วมันจะยากหน่อย เพราะว่า 5 นิ้ว คุณต้องเรียนรู้ข้อมูลอย่างมหาศาล เพราะว่านิ้วที่ 1 เป็นตัวบทนำ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ถ้าคุณไม่มีบทนำคุณจะตายแน่นอน เพราะว่าเนื้อเรื่องของคุณจะไม่มีมีการนำไปสู่เนื้อเรื่อง อันที่ 2 และอันที่ 3-4 พอเป็นเนื้อเรื่อง 2-4 มันก็ต้องเป็นเนื้อเรื่องที่ อ่อนบาง เข้มข้น อ่อนบาง ดุเดือด คุณต้อง หาไล่มันเองใน 3 อันนี้ให้ได้
และสุดท้ายบทสรุป คุณต้องมี ถ้าคุณไม่มีบทสรุป คุณทำงานเสร็จแล้ว วันนี่ดีใจจังเลย สวัสดีค่ะ ถ้าคุณจะจบกับใครสัก คุณต้องดู อันนี้เขาใช่แล้ว อันนี้ เข้มข้นพอแล้ว อันนี้ก็จะเป็นตัวสรุปได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องมี 5 นิ้วนี้ แต่ถ้า 5 นิ้วมันมากไป เอา 3 นิ้วก็ได้ เริ่มต้น ตรงกลาง และตอนจบ
เริ่มต้นก็แน่นอนอยู่แล้วบทนำ ตรงกลางก็คือเนื้อเรื่อง ตอนจบก็คือสรุป และที่สำคัญที่สุด ที่คนพลาดสมัยนี้ มักจะทำบทสรุปมาก่อน เราทำได้แค่คำนำ เรายังไม่สามารถทำบทสรุปได้ บทสรุปจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราคุยกับเขา ชีวิตที่เขาพูดทั้งหมด สิ่งที่เขาบอกทั้งหมด จึงจะเป็นบทสรุปในวันนั้น ที่เขาพูดเรื่องนั้นได้
แต่บางคนทำบทสรุปมาก่อน แล้วผลปรากฎว่าทั้งหมดที่เขาพูดมาไม่ตรงกับที่ตัวเองทำบทสรุปตายเลย ไปไม่เป็นเลย จงจำไว้นะครับ บทนำเราทำได้ เนื้อเรื่องเรารู้เรื่อง แต่บทสรุปรอจากเขา รอจากสิ่งที่เราได้พูดคุยกับเขา รอจากชีวิตเขา แล้วเอามาสรุป”