สัญญาณเตือน ทำงานหนักเกิน จนวิถีชีวิตเปลี่ยน อาจเสี่ยงนิ่วในไต ปล่อยไว้อาจไตวาย!

วัฒนธรรมการทำงานในปัจจุบัน ทำให้หลายคนต้องนั่งทำงานที่โต๊ะเป็นเวลานาน และมีความเครียดสูง ทำให้ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว และผู้คนส่วนใหญ่เน้นทานอาหารแปรรูปและอาหารสำเร็จรูปที่มีโซเดียมสูง ทำให้แคลเซียมในปัสสาวะเพิ่มขึ้น และนี่ส่งผลให้คนออฟฟิศรุ่นใหม่เสี่ยงป่วยเป็นนิ่วในไตมากขึ้น 

นอกจากนี้ วิถีชีวิตที่เร่งรีบและเคร่งเครียด บางคนชอบกลั้นปัสสาวะ หรือบางคนละเลยการดื่มน้ำ เมื่อดื่มน้ำไม่เพียงพอ ปัสสาวะจึงมีความเข้มข้นสูงและเพิ่มความเสี่ยงเกิดนิ่วได้

สัญญาณเตือนเสี่ยงนิ่วในไตมาเยือน

อาการปวด : ปวดบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่งที่มีก้อนนิ่ว เพราะไตจะอยู่บริเวณเอวข้างซ้ายและขวา, ปวดหลังหรือช่องท้องช่วงล่างข้างใดข้างหนึ่ง, ปวดเสียด ปวดบิดเป็นพักๆ

ปัสสาวะผิดปกติ : มีปัสสาวะตกค้าง, ปัสสาวะอุดตันออกไม่ได้,  ปัสสาวะขุ่นแดง, ปัสสาวะแล้วเจ็บ, ปัสสาวะน้อย,  ปัสสาวะไม่ออก

ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการ พบเจอได้จากการตรวจสุขภาพ

วิธีป้องกัน

  • พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะ
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อลดโอกาสการตกตะกอนของก้อนนิ่ว โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในที่แจ้งที่ต้องเสียเหงื่อปริมาณมากๆ เหงื่อที่ออกมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้ปัสสาวะลดลง ส่งผลให้เกิดสารตั้งต้นในการเกิดนิ่วสะสมในทางเดินปัสสาวะได้ง่าย
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีออกซาเลตสูงเกินไป เช่น ช็อกโกแลต, ผักโขม, หน่อไม้, น้ำชา, โกโก้ เป็นต้น
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสัดส่วนที่เหมาะสม เลี่ยงเค็มจัด-หวานจัด เพราะการกินเค็มทำให้มีโซเดียมในปัสสาวะมาก แคลเซียมจึงถูกขับออกมาทางปัสสาวะเกิดเป็นนิ่วจากแคลเซียม
    • ลดปริมาณน้ำตาล เพราะการกินน้ำตาลมาก โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโตส เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ จะทำให้เกิดกรดยูริกในเลือดสูง กรดจะตกตะกอนในปัสสาวะแล้วเกิดเป็นนิ่ว
    • ควรลดอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ไขมันสัตว์ และอาหารที่มีกรดยูริกสูง ได้แก่ หนังสัตว์ปีก ตับ ไต ปลาซาร์ดีน เพราะการบริโภคอาหารโปรตีนสูงจะทำให้เพิ่มสารก่อนิ่วและเพิ่มโอกาสการเกิดนิ่วสูงมาก
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นเวลาอย่างน้อย 10-20 นาทีทุกวัน และอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปี

    Related posts

    Leave the first comment