มิ้นท์ อรรถวดี 14 ปี ไม่เคยลืมไมค์ -สวมหมวกหลายใบ เพลงไม่ทิ้ง ธุรกิจก็ต้องทำ

ผันตัวไปเป็นนักธุรกิจดูแลกิจการของที่บ้านอยู่ 14 ปี มิ้นท์ อรรถวดี จิรมณีกุล นักร้องดังยุค 90 เจ้าของเพลง “รักเธอที่สุด” ก็กลับมาทำเพลงอีกครั้ง โดยล่าสุดเธอได้ปล่อยซิงเกิลเพลงออกมาชื่อ “เธอคือดาวดวงนั้นที่ฉันเฝ้ารอ (My Shining Star)” กับ ทาง Y25 music space

 เมื่อได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์ถึงเส้นทางชีวิตของ “มิ้นท์ อรรถวดี” เริ่มจากการเป็นนักร้อง และต้องผันไปช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัว 

 โดยมิ้นท์ เล่าว่า “ตอนนี้สวมหลายหมวกมากเลย นอกจากเป็นคุณแม่ที่ดูแลลูกแล้ว มิ้นท์ก็เป็น Client Director ของแบรนด์เครื่องหนังกระเป๋า Richy จากเบลเยียม ที่เพิ่งมาเปิดที่เมืองไทยเมื่อต้นปี ช่วงนี้ก็ไม่ได้ว่างค่ะ แต่ต้องจัดสรรเวลาให้ดีดีแล้วก็ได้ออกมาซิงเกิลล่าสุด “เธอคือดาวดวงนั้นที่ฉันเฝ้ารอ (My Shining Star)”

ห่างจากการร้องเพลงไปนานขนาดไหนแล้ว ?

 “ประมาณ 14 ปีค่ะ สาเหตุที่ตอนนั้นต้องพักการเป็นศิลปิน มันมีช่วงที่กลับไปเรียนต่อที่อังกฤษเข้ามหาวิทยาลัยฯ กลับมาเที่ยวเมืองไทยก็มีธุรกิจครอบครัวที่เราเข้าไปช่วยดูด้วย หลังจากนั้นก็อยากท้าทายตัวเองไปทำงานในบริษัทมหาชนบ้าง

 เพราะว่ามิ้นท์ก็เรียนจบมาในสาขาธุรกิจอินเตอร์กับภาษา เลยมาทำในจุดนั้น ตลอดระยะเวลาตอนนั้นก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องดนตรี ยังร้องตามงานอีเวนต์อยู่ แค่คนอาจจะไม่ได้เห็นในหน้าข่าวหรืออาจจะไม่ลงโซเชียล”

ตอนที่ก้าวมาเป็นนักร้องใหม่ๆ เราเจอดราม่า “ไฮโซอยากเป็นนักร้อง”?

 “ช่วงนั้นอายุประมาณ 18-19 ปี ออกอัลบั้มแรกชื่อ “mint” กับค่ายเมกเกอร์เฮด ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ช่วงนั้นจำไม่ได้ว่ายังไม่ทันได้ออกซิงเกิลแรก หรือว่าออกใหม่ๆ

 มิ้นท์ขอบคุณกระแสในตรงนั้นมากด้วยนะคะ เพราะมันทำให้มิ้นท์รู้สึกสตรองแล้วก็แกร่งจากตรงนั้นขึ้นมา แล้วเป็นพลังบวกทำให้คอมเม้นท์อยากโชว์ความสามารถให้ทุกคนได้เห็น ว่าเราตั้งใจร้องเพลงนะเราเรียนร้องเพลงมา

 จริงๆคุณแม่มีผลต่อช่วงเวลานั้นมากๆ เพราะมิ้นท์ก็ได้แม่ดูว่ามันมีคอมเม้นท์อะไรแบบนี้มา แม่บอกว่าถ้าเกิดลูกจะมานั่งเศร้าหรือว่า มาทำให้ลูกท้อกับเรื่องแค่นี้ ลูกไม่ต้องเริ่ม ไม่ต้องทำอะไรเลยนะแม่เป็นคนสตรองมาก ท่านสอนและมิ้นท์ก็ยังจำคำนี้ติดไว้ในหัวตลอด ว่าเราอย่าให้เสียโน่นนี่นั่นมาทำให้เราท้อ ทำให้มันเป็นสิ่งที่ผลักดันเราให้เดินหน้าต่อไป แล้วพิสูจน์กับตัวเองและให้คนอื่นได้เห็น

 จริงๆ มิ้นท์พยายามไม่ได้อ่านอะไร เราเห็นแล้วก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเราก็มุ่งหน้าทำในสิ่งที่เราทำต่อไป เดี๋ยววันหนึ่งคนเขาก็เห็นว่าเราก็ร้องเพลงได้นะ เราร้องสดได้นะ เราเรียนร้องเพลงมานะ”

เพลง “รักเธอที่สุด” เหมือนเป็นเพลงที่แจ้งเกิดเรา?

“ต้องขอบคุณเพลงนี้ พี่นิ่ม สีฟ้า ได้เขียนไว้  เพลงนี้ตอนแรกไม่ได้อยู่ในอัลบั้มด้วยนะ ตอนนั้นทำเสร็จแล้ว 10 เพลง  เพลงนี้ก็เป็นม้ามืด อยู่ๆ ทางค่ายก็บอกว่าจะคัดหนึ่งเพลงออก เพื่อเอาเพลง “รักเธอที่สุด” มาใส่เป็นเพลงที่ 10 แล้วก็เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จัก มิ้นท์ อรรถวดี

 ถ้ามิ้นท์ได้ไปเจอทางพี่โปรดิวเซอร์ทีมเมกเกอร์เฮดก็อยากจะถามเขาเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรอยู่ดีๆ ถึงตัดสินใจที่จะคัดเพลงออก 1 เพลงและใส่เพลงนี้เข้ามา”

คิดไหมว่าเพลง “รักเธอที่สุด” จะเป็นหนึ่งในตำนานเพลงของเรา?

“ไม่เลยไม่ได้คิดเลยว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ดี เราก็ทำให้ดีที่สุด ณ ตอนนั้น เอาจริงๆ ตอนนั้นมิ้นท์ไม่รู้ว่ามันประสบความสำเร็จแค่ไหน เพราะมันเป็นอัลบั้มแรก เป็นครั้งแรกที่เราได้ทำแบบนี้

 ตอนนั้นก็มีความรู้สึกว่าคนพูดถึงเพลงนี้เยอะ วิทยุเปิดทุกคลื่นเป็นเวลานานมากๆ และได้เลือกไปเป็นเพลงประกอบละคร “ดั่งสวรรค์สาป” ยุคที่ พี่กบ-สุวนันท์ เล่นในช่อง7 และได้รับรางวัลเยอะมาก มิ้นท์ไม่รู้ว่ามันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน คิดว่ามาเป็นเรื่องปกติที่ศิลปินทุกคนเวลาออกอัลบั้มจะต้องเจอแบบนี้ พอได้ย้อนมองกลับไปก็รู้สึกว่า อ๋อ..อันนี้แหละเพลงนี้ประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้เวลาไปร้องเพลงข้างนอกก็จะมีคนขอให้ร้องเพลงนี้เป็นประจำ”

ทุกอัลบั้มได้รับการตอบรับที่ดี แต่ทำไมเว้นระยะการออกอัลบั้มนาน?

 “อัลบั้มที่สองก็อยู่กับเมกเกอร์เฮดเหมือนเดิม ช่วงนั้นเว้นไป 3 ปี เพราะว่าตอนนั้นเรียนต้องบินไปบินมาระหว่างอังกฤษกับไทย พอปิดเทอมก็กลับมาอัดเพลง หลังจากนั้นก็กลับไปเรียนต่อกลับมาก็โปรโมทอัลบั้ม ช่วงนั้นเป็นอัลบั้มที่2 ชื่อว่า Special One ก็เป็นอัลบั้มที่มีเพลงติดชาร์จเยอะเหมือนกัน“

มีช่วงชีวิตได้เดินสายบ้างมั้ย?

 “มีพวก แคมปัสทัวร์ ไปกับศิลปินคนอื่นขึ้นเหนือลงใต้ อีสาน ไปร้องให้กับนักเรียนฟังตอนนั้นก็สนุกดีค่ะ แต่ด้วยเวลาในการโปรโมทของเราไม่ได้มีเยอะมาก จริงๆ อยากจะอยู่กับเขาให้เยอะกว่านี้ แต่ด้วยเวลาเรามันได้แค่นี้ มิ้นท์ต้องกลับไปเรียนแล้ว ช่วงนั้นบินไปบินมาแบบนี้ ออกทั้งหมด 4 อัลบั้ม”

เรามองตลาดเพลงเป็นอย่างไรบ้าง?

“ตลาดเพลงตอนนี้นิวเจนมากๆ มิ้นท์คิดว่าในส่วนของมิ้นท์ไม่ได้ไปแข่งอะไรกับน้องรุ่นใหม่ มิ้นท์จะทำในส่วนที่เป็นตัวตนของเราออกไป คือเราอยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับแฟนๆ เรารู้สึกภูมิใจนำเสนอบางสิ่งบางอย่าง ถ้าเราเก็บไว้ฟังคนเดียวมันก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม เลยปล่อยออกมาให้เป็นแฟนได้ฟัง ก็หวังว่าคงจะได้รู้สึกถึงสิ่งที่มิ้นท์อยากจะมอบให้ผ่านเสียงร้องและเสียงดนตรี”

 ณ ตอนนี้ เราอยากให้คนมองเราเข้ามา มองว่าเป็นศิลปินหรือนักธุรกิจ?

“อย่างที่บอกมิ้น์สวมหมวกหลายใบ มันก็ต้องแล้วแต่มุมมองของคนว่าคนที่เขามองเข้ามาเห็นมิ้นท์อยู่หมวกใบไหน บางคนก็มองมิ้นท์สวมหมวกศิลปิน เวลาติดต่องานเกี่ยวกับธุรกิจมิ้นท์ มีอีกชื่อหนึ่งเป็น “พัศญา” ซึ่งเปลี่ยนมานานแล้ว แต่คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักชื่อนี้สักเท่าไหร่แต่จะเป็นชื่อที่ใช้ในวงธุรกิจ แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องของบันเทิงก็ยังใช้ มิ้นท์ อรรถวดี อยู่”

Related posts

Leave the first comment