“มาริโอ้” ยกให้ เสือมเหศวร บทโหดสุดในชีวิต “โขม ก้องเกียรติ” จัดฉากบู๊อลังการ

ใกล้จะได้ชมกันแล้ว กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “เสือ” (2568) หนึ่งในโปรเจกต์ใหม่ “จักรวาลขุนพันธ์” ของผู้กำกับมือทอง โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ

งานนี้ได้มีโอกาสคุยกับ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่มารับบทบท “เสือมเหศวร” ที่ต้องกลับมารับบทบู๊ที่หนักกว่าเดิม แถมยังต้องปะทะกับอีก 3 เสือรุ่นพี่ อย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ ที่รับบท เสือฝ้าย, เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท เสือใบ, โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ รับบท เสือดำ และสาวสวย หลิน มชณต สุวรรณมาศ รับบท รสริน

พอรู้ว่ามีโปรเจกต์เรื่อง “เสือ” ภาคแยกของ “ขุนพันธ์” ความรู้สึกแรกเป็นยังไงบ้าง

“รู้สึกท้อนะครับ (หัวเราะ) รู้สึกว่ามันต้องเหนื่อยแน่ เราเจอ “ขุนพันธ์” มาแล้ว เรารู้ว่ามันโหด เป็นกองถ่ายที่ทำงานกันหนักสุดในทุกด้าน แต่พอได้อ่านบท “เสือ” แล้วรู้สึกตื่นเต้น อยากรู้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน จะเป็นช่วงเวลาไหนของเสือที่เขาจะเอามาเล่าในโปรเจกต์ แล้วจะได้มาเจอกับ “พี่เป้”, “พี่โน่”, “พี่เวียร์” มันไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องเล่นครับ

โดยเรื่องนี้มันจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนใน “ขุนพันธ์” เป็นช่วงที่ “เสือมเหศวร” ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ครับ ยังทำงานเป็นพนักงานในสำนักพิมพ์ นักเขียนคอลัมน์ เขายังเด็กอยู่ในช่วงอายุที่ห่างจากตอนขุนพันธ์ มีความหนุ่ม มีความเฟรช ในอุดมการณ์ก็ยังไม่ได้มีเยอะเท่าตอน “ขุนพันธ์ 3”

ในเรื่องนี้จะเป็นการเล่าย้อนถึงปมในใจเขาในช่วงวัยรุ่นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง วันนี้ถึงได้เป็นเสือมเหศวร ถึงจะไม่เคยได้ดูขุนพันธ์มาเลยสักภาค มาดูเรื่องเสือก็เข้าใจนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเผยให้เห็นตัวตนเขาก่อนที่จะมาเจอกับขุนพันธ์ และการต่อสู้ สกิลที่เขามีว่าเก่งกาจแค่ไหน แต่อาจจะต้องเริ่มเรียนรู้ว่าแต่ละคนมีคาถาอาคมอะไรของเขาที่จะเอามาสู้กันครับ”

“เสือ” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?

“ในมุมของโอ้นะครับ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นช่วงสงครามโลก มันมีเหตุการณ์ในชนชั้นปกครองที่ผิดปกติ พวกรัฐบาล นักการเมือง บ้านเมืองมันวุ่นวาย ไม่เป็นมิตรกับประชาชนเท่าไหร่ แต่ในส่วนของ “มเหศวร” ยังคงทำงานที่สำนักพิมพ์ที่เป็นงานหลักของเขา มีงานที่ตามสืบเรื่องของรัฐบาล การคดโกง ความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น ทำให้เขาได้ไปเจอกับ “รสริน” ที่เป็นดาราดังอยู่ในตอนนั้น

ตามสืบจนรู้ว่ารสรินมีแผนว่าจ้างพวกเสือเพื่อโค่นอำนาจรัฐบาล “จอมพล” ตัวมเหศวรเองเลยลงไปเล่นเกมนั้นด้วย จึงทำให้ “4 เสือ” ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันต้องมารับงานเดียวกัน และต้องแย่งชิงภารกิจนี้กับเสือคนอื่นเพื่อเงินก้อนโต เลยเกิดเรื่องราววุ่นวายในหมู่โจรขึ้น แต่การที่เสือที่มีอาคมเก่งกล้า มีอาวุธคู่ใจและสกิลต่างๆ รอบตัวจะไปต่อกรกับจอมพลก็เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย เพราะจอมพลส่งทั้ง “หลวงประสาน” และ “เสือฝ้าย” ลงมาเล่นในเกมนี้ด้วย ความมันส์และความแฟนตาซีของหนังเรื่องนี้เลยดุเดือดจนห้ามพลาดซักฉากครับ”

คาแร็กเตอร์ของ “เสือมเหศวร” ในหนังเรื่องนี้?

“เสือมเหศวร” ภายนอกจะดูนิ่งๆ แต่เป็นคนมีไหวพริบดี มีทักษะค่อนข้างเยอะหลากหลายสกิลหลบเลี่ยง คล่องแคล่วว่องไว มีคาถาแคล้วคลาด ที่ต้องอมพระมเหศวรเวลาต่อสู้ ทำให้หลบหลีกหลบหนีอาวุธของคู่ต่อสู้ได้อย่างพลิ้วไหว มีวิชาลิงลมที่ทำให้เขาเป็นคนค่อนข้างว่องไวมาก

และสามารถจะเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ตัวเองได้หลากหลายแบบไม่ซ้ำเดิม เชี่ยวชาญการปลอมตัว ประดิษฐ์อุปกรณ์การต่อสู้ อุปกรณ์ลับ ซ่อนกลไก ดัดแปลง พัฒนาต่อยอดสิ่งของต่างๆ ได้ตลอด เพื่อเพิ่มออปชันให้ตัวเองตลอดเวลา เป็นคนที่ฉลาด วางแผนเก่ง

นอกจากมเหศวรจะใช้ปืนเล็กที่เขาถนัดแล้ว ในภาคนี้จะมีอุปกรณ์เด่นๆ ของเขาที่เพิ่มเข้ามาเป็นมีดที่ปลายเท้า มีดเล็ก ปืนเล็ก ปืนไฟที่ซ่อนอยู่ตามตัว มีไหวพริบในการสร้างกลไกต่างๆ อะไรที่เขาหยิบจับมาสามารถดัดแปลงได้เป็นสิ่งที่ของที่ช่วยชีวิตหรือเป็นอาวุธลับได้ตลอดเวลา เราจะเห็นมันสมองของเขามากกว่าเดิม เห็นอาวุธที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าในเรื่องนี้” 

ภาคนี้จะมีส่วนของการใช้ศิลปะการต่อสู้มากกว่าเดิม มีความพร้อมในการกลับมาในครั้งนี้ยังไงบ้าง

“ต้องเตรียมพร้อมเยอะมากเลยครับ เพราะภาคนี้จะมีคิวบู๊หลายแบบ หลายฉาก 4 เสือต้องสู้กันเอง สู้กับคนอื่น และเทคนิคการถ่ายทำใหม่ๆ ของ “พี่โขม” (ก้องเกียรติ โขมศิริ-ผู้กำกับ) ที่เพิ่มเข้ามา พวกเราทั้ง 4 เสือเลยต้องมีการซ้อมกันอยู่เป็นประจำ ต้องคอยฟิตร่างกายเอาไว้ตลอด ไปยืดเส้นซ้อมกันล่วงหน้ากับพี่สตันต์, พี่เป้, พี่โน่, พี่เวียร์

ผมไม่เคยเห็นเทคนิคใหม่ของพี่โขมที่เราถ่ายทำกันในเรื่อง “เสือ” นี้มาก่อน พี่ตากล้องมาบอกว่า โอ้อย่าเพิ่งตกใจกับวิธีการนะ มันเป็นเทคนิคใหม่ที่เรายังไม่เคยลองมาก่อน การจะบู๊ของโอ้มันจะฝืนจากความจริง ค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมกัน การเล่นทั้งสโลว์ เล่นแบบสปีด การรอจังหวะร่วมกันของเราและกล้อง

โอ้ผ่านคิวบู๊ยากๆ มาเยอะ แต่อันที่ยากสำหรับโอ้คือความแคล้วคลาดของ “เสือมเหศวร” ด้วยที่เขามีคาถาลิงลม ทำให้วิ่งหนีเก่ง หลบเก่ง ทีนี้มเหศวรก็วิ่งไปทั่ว วิ่งหนีกระสุนคตของ “เสือใบ” เขายิงทีไรงานเข้าทุกที กระสุนนำวิถีตามไปทุกที่ไม่มีเบรก และในทางเทคนิคการถ่ายทำ ผมต้องขึ้นไปวิ่งบนเทรดมิล (Automatic Treadmill) แล้วมีรถ ATV ลากอีกที

มีกล้องอยู่บนรถอีกคันที่วิ่งไปด้วยกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นในตึกเซตขึ้นมา ฉากนี้ถือเป็นที่สุดสำหรับโอ้ วิ่งขาสับเลยครับ วิ่งเยอะที่สุดตั้งแต่ถ่ายหนังมา วิ่งทั้งวันอยู่ในนั้น ในขณะที่พี่เป้ปล่อยกระสุนคตแล้วก็ยืนดูหล่อๆ เฉยเลย กราบการทำงานของทีมเบื้องหลังเรื่องนี้เลย ไหนจะเอฟเฟกต์ที่ต้องระเบิดกันอีกในนั้น เป็นคิวที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ไม่เคยเห็นมาก่อน”

เราจะได้เห็น “เสือใบ” สู้กันกับ “เสือมเหศวร” เลยใช่ไหม?

“พวกเสือต่างสู้กันเอง “พี่เป้” เขาเป็นสายสู้เลย ผมเป็นสายน่ารักไม่ทำร้ายใคร เราสองคนเจอกันคิวแรกที่ถ่ายทำเลยครับ วัดใจกันคิวแรก เจอกันก็ต่อยกันเลย แล้วอย่างที่บอก เจอเทคนิคใหม่ๆ ของ “พี่โขม” ในคิวแรกเลย จึงค่อนข้างจะโหดหินและยากมาก แล้วสู้กับคุณเป้ก็หิน แขนเขาเหมือนไม่ใช่แขนคน เหมือนเหล็กมากกว่าครับ

ภาคนี้ที่พี่โขมจะเอาสองเสืออย่างเราสองคนมาซัดกันเอง และเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก กะเอาให้ตายกันไปเลย เรายังไม่เคยเห็นเสือสู้กันเองกับเสือ ปกติเสือจะเป็นทีมเดียวกันสู้กับ “ขุนพันธ์” แต่กับเรื่องนี้ขุนพันธ์ยังไม่มา เสือแต่ละคนมีทั้งคาถาอาคม ทั้งสกิลการต่อสู้ที่ไม่มีใครเป็นรองใคร มีคาถาโกงชีวิตเป็นของตัวเองกันหมด”

ฉากที่อลังการสำหรับโอ้?

“ฉากงานฤดูหนาว ในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่จัดงานฤดูหนาวกันแบบงานกาชาดสมัยก่อน จะมีคนมาร่วมงานกันเยอะมากๆ ทั้งประชาชน และการออกงาน ร้านค้า มีวงโยธวาทิตมาเข้าเปิดงานอีก เรียกว่าวันนั้นคนเข้าฉากร่วมกันหลายร้อยชีวิตมากครับ ในเหตุการณ์วันนั้นก็จะมีเสือหลากหลายทิศมาเจอกันแล้วตะลุมบอนยิงกันกลางงาน ชุลมุนกันไปหมด ฉากเดือดมากครับ ยิงกันนัว เอฟเฟกต์ระเบิดเต็มไปหมด เป็นการทำงานที่คิวเยอะมาก คนเยอะมาก “พี่โขม” อยากได้ภาพกว้างๆ เห็นบรรยากาศหมด

ส่งโดรนบินถ่ายจนไม่มีที่ให้หลบ เวลาวิ่งไปทางไหน ก็ต้องเล่นให้เต็มทุกพื้นที่ เดือดตั้งแต่เช้ายันเย็นฉากนี้ฉากเดียว แต่ที่เดือดกว่านั้นคืออากาศในวันนั้นครับ เป็นการจำลองงานฤดูหนาวที่ร้อนสุดยอดเลย เสื้อผ้าใส่กันจัดเต็มแขนยาวหนาแบบใส่ในฤดูหนาวเลย ต้องปรบมือให้ทีมงานหลายชีวิตวันนั้นมาก แค่จำนวนเสื้อผ้าของนักแสดงร่วมในวันนั้นราวแชวนเสื้อผ้ามาต่อกันยาวเลย มีกล้อง 4 ตัวเพื่อฉากนี้ฉากเดียวครับ

แต่ถ้าพูดถึงความอลังการในความโหดของการถ่ายทำ มันหลายฉากมากครับ เพราะซีนใหญ่ทุกซีน หนักทุกซีน อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างหนึ่งในหลายฉากที่เราจะได้ชมกันว่าแต่ละฉากถ่ายกันโหดหินไม่ได้ผ่านมันมาง่ายๆ  มันมีความเจ๋ง มีความบ้า”

การทำงานกับ “พี่โขม” ผู้กำกับในเรื่องนี้?

“แอ็กชันของ “พี่โขม” ก็คือระเบิดตู้มต้ามไงครับ ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับหนังแนวนี้ในสไตล์ของพี่โขมอยู่แล้ว แต่กับเรื่อง “เสือ” นี้มันอัปเลเวลขึ้นไปอีก อย่างผมทำใจไว้แล้วว่าต้องเหนื่อยแน่ “พี่จ่อย อนันดา” เคยเตือนไว้ว่าพี่พูดคำเดียวเลย พี่โขมเพี้ยน พี่โขมบ้า

ตอนอ่านบท เรื่อง “ขุนพันธ์ 3” ผมก็เคยเกิดความรู้สึกว่าพี่โขมบ้าเปล่าเนี่ย แต่ละฉากคิดมาได้ยังไง สุดมากๆ แล้วพอมาอ่านเรื่องนี้ความรู้สึกเดิมก็กลับมา รู้สึกว่าพี่มันจะไปถึงไหน มันจะไปจบที่ตรงไหนได้ เรื่องราวมันพาเราไปในสิ่งที่ไม่คาดคิด ความบู๊ รูปแบบมันเวอร์ขนาดหนัก เคยเจอสุดมาแล้ว แต่นี่มันจะสุดไปกว่าเดิมอีกครับ ที่สุดยกนิ้วยอดเยี่ยมให้โปรดักชันของ “คุณก้องเกียรติ โขมศิริ” เลยครับ”

ความน่าสนใจของหนังเรื่อง เสือ ?

“เสือมเหศวร” ใน “ขุนพันธ์ 3” เราได้เห็นเขาเป็นยังไง เขาก็ยังเป็นแบบนั้น แต่ในเรื่อง “เสือ” จะเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นถึงอุดมการณ์ต่างๆ ของเสือแต่ละตัวอย่างจริงจัง การทำงานในสายข่าว การที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ที่เขาต้องมาเป็นโจรเป็นเสือมันเพราะอะไร

เขามาถึงยังจุดนี้ได้ยังไง และความมันส์ของ “4 เสือ” ที่ต้องมาสู้กันเอง กับการต่อสู้ในทุกรูปแบบทั้งอาคม สกิลการต่อสู้ อาวุธ จัดเต็มมากครับ ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง “เสือ” ด้วยนะครับ ทั้งนักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ ทุกคนตั้งใจกับงานนี้มาก ไม่อยากให้พลาดครับ 23 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์”

Related posts

Leave the first comment