นอกจากจะมีความสามารถทางด้านการแสดง จนมีผลงานแสดงละครออกมาให้แฟนๆ ได้ชมหลายต่อหลายเรื่องแล้ว พระเอกหนุ่ม ‘บิ๊กเอ็ม’ กฤตฤทธิ์ บุตรพรม ยังมีฝีมือทางด้านศิลปะแขนงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้องเพลง ถ่ายภาพ กำกับภาพ รวมไปถึงการวาดภาพ จนต่อยอดมาเป็นศิลปินนักปั้นกับประติมากรรมองค์เทพ
ด้วยพลังศรัทธาและชีวิตมั่งมีด้วยบารมีองค์พ่อพิฆเนศ โดยเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก่อนที่จะเข้าวงการบันเทิง หนุ่มบิ๊กเอ็มเคยเป็นพนักงานบริษัทมาก่อน ซึ่งจุดเปลี่ยนมาจากการเดินสายมู บูชาพระพิฆเนศ ตอนนั้นที่ลาออกเพาะเริ่มมีงานในวงการเข้ามาเยอะ แต่ก็ยังเป็นแค่นายแบบ จึงตัดสินใจในเดือนสุดท้ายที่ทำงาน เขาได้ไปขอพระพิฆเนศที่ห้วยขวาง ไปแบบงงๆ ไม่รู้เทพฮินดูคืออะไร ตอนนั้นเหลือเงินติดกระเป๋าอยู่ห้าพันบาท แล้วไปเจอพระพิฆเนศองค์นึง องค์เล็กๆ อยากได้มาบูชา ราคาองค์ละประมาณสี่พันกว่าบาท เดินวนอยู่ 3 รอบ จนคนขายบอก “เอาไปเถอะ พ่อเลือกแล้ว เอาไปบูชา” ก็เลยตัดสินใจลองเสี่ยง กำเงินห้าพันบาท เช่าบูชากลับมามาไหว้ที่บ้าน จากนั้นไปแคสต์งานโฆษณาแล้วได้ ได้ค่าตัวแปดหมื่น
ส่วนการปั้นองค์เทพ บิ๊กเอ็มเล่าว่า เขาเป็นคนชอบวาดรูป แต่งานปั้นไม่เคยทำมาก่อน เพิ่งจะมาลองทำตอนปั้นพระพิฆเนศองค์แรก ซึ่งแรงบันดาลใจเกิดจาก พระพิฆเนศมาเข้าฝัน และเป็นรูปลักษณ์แบบที่ปั้นออกมา เพียงแต่ว่าตัวอาจจะไม่ใช่สีทอง ในฝันจะเป็นสีขาว

สำหรับการปั้นองค์เทพฮินดู พระเอกหนุ่มบอกต้องมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ยิ่งเราเป็นดาราศิลปิน ยิ่งต้องศึกษา เพราะการจะทำอะไรคนจะเห็นเยอะ แล้วตอนนี้คนอินเดียเข้ามาชมผลงานเยอะมาก ต้องศึกษาให้ถูกต้อง เพราะไปทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่คนบูชา
ซึ่งตั้งแต่ที่ปั้นองค์เทพมา เขาได้เจอสิ่งแปลกๆ ที่ได้สัมผัส โดยเล่าว่า “ถ้าแปลกสุดก็น่าจะเรื่องความฝัน แต่ช่วงที่ปั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ อย่างเช่นทุกครั้งที่ผมจะทำแต่ละองค์ ผมจะจุดธูป 16 ดอก เหมือนเป็นการขออนุญาต แต่จะมีครั้งหนึ่งในช่วงที่ผมปั้น ผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน แล้วพูดเรื่องไม่ค่อยดี พูดคำหยาบ ต่อหน้าองค์ที่กำลังปั้นอยู่ แล้วเราไม่ได้ยกมือไหว้ขอก่อนว่าจะปั้น คืนนั้นผมนอนไม่ได้เลย มือปวดแสบปวดร้อน ก็เลยต้องไปขอขมา คือทุกครั้งที่ไปนั่งปุ๊บ ผมต้องหยุดทุกอย่าง จะต้องทำสมาธิและต้องนึกถึงอยู่ตลอดเวลา แต่วันนั้นผมอาจจะพูดอะไรไม่ดี มีความคิดลบๆ อยู่ในหัวช่วงที่ทำ มันก็เลยเหมือนเป็นการสั่งสอน สำหรับความรู้สึกผมนะ คือถ้าทำก็ต้องทำให้ดี ต้องมีสมาธิและตั้งใจ”
องค์เทพที่ปั้น บิ๊กเอ็มวางไว้ว่าจะปั้นทั้งหมด 19 องค์ ไม่ได้ต้องการทำเยอะ เพราะต้องการให้งานตนเองมีความพิเศษ และคนที่ได้ไปจะรู้สึกว่าตัวเองพิเศษ เป็น 1 ใน 19 ซึ่งทุกองค์ที่ปั้นมีลิขสิทธ์แล้วทุกองค์

“ที่ผมทำ ผมเป็นคนปั้นต้นแบบ แล้วก็เอาต้นแบบไปหล่อ ทำผลิตออกมา ถามว่ากลัวคนก็อปไปขายไหม ไม่กลัวครับ เพราะถ้าเป็นคนทำซ้ำหรือว่าดัดแปลง สามารถฟ้องร้องได้ แต่ผมเชื่อว่าคนน่าจะก็อปงานผมยาก” ศิลปินหนุ่มกล่าว
พระพิฆเนศเป็นเทพที่ประทานพร ขอพรอะไรท่าน พระเอกหนุ่มกล่าวว่า “พูดกันตรงๆ ทุกวันนี้ผมแทบไม่ได้ขออะไรเลย เพราะผมรู้สึกว่าชีวิตผม ผมมีความสุขอยู่แล้ว สิ่งที่ผมทำอยู่คือผมกลับบ้านสวดมนต์ สวดทั้งพระพุทธ สวดทั้งเทพเทวาที่เราบูชา สวดเป็นปกติ ไม่ได้ขออะไร ขอแค่ให้ชีวิตมีความสุข คือผมจะพูดประมาณว่า ป๊าอยากให้อะไรผมก็ให้แล้วกัน ผมไม่ได้ขออะไร”
ช่วงที่ผ่านมาที่เจอดราม่า พระเอกหนุ่มก็ใช้การสวดมนต์ก้าวข้ามมันมา “ช่วงที่เจอปัญหาชีวิต หลุดจากตรงนั้นมาแล้ว เปลี่ยนเส้นทางชีวิตทำให้มีสติสมาธิ ไม่ว่าจะคบใครพูดคุยกับใครต้องมีสติให้มากขึ้น และต้องสแกนคนดีๆ ทุกวันนี้อย่างที่ผมทำงานอาร์ตงานศิลปะ มันก็ช่วยอะไรผมเยอะเหมือนกัน ทำให้ใจเย็นและมีสมาธิมากขึ้น”
โดยผลงานการปั้นองค์เทพ เจ้าตัวได้ปั้นมาถึงประติมากรรมชิ้นที่ 6 โดยไล่เรียงว่า
ประติมากรรมลำดับที่ 1 “Vighna Raja” ผลงานแรกที่บิ๊กเอ็มสร้างสรรค์จากจิตวิญญาณ ทุกขั้นตอนใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด ประติมากรรมองค์พระพิฆเนศองค์นี้ ใช้เวลาในการปั้นสองสัปดาห์ ไม่มีแบบ ไม่มีพิมพ์ ปั้นเองแกะลวดลายเองทั้งหมดจากจินตนาการในหัว

ประติมากรรมลำดับที่ 2 “Narayana” อีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซของบิ๊กเอ็ม หนึ่งเดือนเต็มกับผลงานประติมากรรมชิ้นที่ 2 กับองค์ “พระนารายณ์ Narayana” รอบนี้ใช้เวลานาน เพราะรายละเอียดเยอะมากๆ แต่ก็เสร็จสมบูรณ์ตามภาพที่จินตนาการไว้

ประติมากรรมลำดับที่ 3 “Ganeshani” (Varad Vinayak) พระคเณศาณี หรือ พระแม่วินายกี คือพระพิฆเนศปางสตรี ตามตำนานเชื่อว่าพระคเณศานีเป็นหนึ่งใน 64 โยคินี องค์นี้บิ๊กเอ็มได้รับเกียรติจาก เทวาลัยศรีคชานัน จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นผู้ออกแบบและปั้นต้นแบบให้ องค์นี้ทางเทวาลัยศรีคชานันกำลังเตรียมผลิตออกมา

ประติมากรรมลำดับที่ 4 “Lakshmi” พระแม่ลักษมี ความสูง 22.3 นิ้ว ใช้เวลา 1 เดือน 2 สัปดาห์ ผลงานชิ้นนี้ใช้เวลาทำนานมาก รายละเอียดเยอะมากและมีการแก้ไขงานหลายครั้ง เป็นงานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นที่หนุ่มบิ๊กเอ็มทุ่มเท และท้าทายความสามารถมากที่สุด

ประติมากรรมลำดับที่ 5 “SHIVA” The Destroyer ใช้เวลา 1 เดือน 1 สัปดาห์ ความสูง 19 นิ้ว ความยากขององค์นี้คือโครงสร้าง ในท่วงท่าที่ยกขาขึ้นหนึ่งข้างต้องรองรับน้ำหนักตัวทั้งหมด และบิ๊กเอ็มต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของ
พระศิวะในมุมที่หลายคนไม่ค่อยได้เห็น องค์นี้จะมี 8 กร ส่วนใหญ่จะเห็นแบบ 2 กร หรือ 4 กร ทุกอย่างที่ถือล้วนมีความหมาย

ประติมากรรมลำดับที่ 6 “Sri Aishwarya Lakshmi” พระแม่ลักษมีองค์ที่สองกับความสูง 2.25 ฟุต ใช้เวลาทำนานสามเดือนครึ่ง ใหญ่ที่สุด นานที่สุดและรายละเอียดเยอะที่สุดที่เคยทำมา พระแม่ลักษมีองค์นี้ได้กูรูผู้รู้และศิลปินชาวอินเดีย มาเป็นที่ปรึกษาช่วยในการออกแบบรูปลักษณ์พระแม่ เพื่อการถ่ายทอดเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบ ผ่านผลงานประติมากรรมที่บิ๊กเอ็มเป็นผู้สร้างสรรค์ชิ้นนี้

สำหรับ บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์ บุตรพรม ชื่อเดิม ลิขิต บุตรพรหม เกิดวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2532 เป็นนักแสดงชาวไทย เกิดที่อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น สำเร็จการศึกษามัธยมปลายที่โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม จบการศึกษาปริญญาตรีที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เริ่มเข้าสู่เส้นทางบันเทิงจากการประกวด Arrow Handsome Man 2013 ได้รับรางวัลรองอันดับ 1 ก่อนจะมีผลงานโฆษณาและถ่ายแบบตามมาหลายชิ้น ต่อมาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังได้รับบทนำในภาพยนตร์ “แหยมยโสธร3” ต่อมาได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 HD ประเดิมละครเรื่องแรก บอดี้การ์ดสาว ในบทรับเชิญ ต่อมาเป็นที่รู้จักจากบท อธิคม ในละคร คีตโลกา และชิมลางเป็นพระเอกเรื่องแรกเรื่อง จับกัง คู่ แจมมี่-ปาณิชดา แสงสุวรรณ

จากนั้นก็มีผลงานละครเป็นที่รู้จักในบทบาทพระเอกแถวหน้าสังกัดช่อง 7 HD มากมาย อาทิ ข้ามากับพระ, เจ้าพายุ, ผักบุ้งกับกุ้งนาง, นักรบตาปิศาจ, หงส์เหนือมักร, เพชรร้อยรัก, เพลงรักเพลงปืน, วิมานมนตรา, ร้อยป่า, ปีกหงส์, เจ้าสาวจำเลย, หมอลำซัมเมอร์ และได้หมดสัญญา ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566 โดยทางช่องได้ออกแถลงการณ์ยุติการเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 HD ของพระเอกหนุ่มหลังอยู่มา 9 ปี โดยละครเรื่องสุดท้ายที่เล่นไว้คือ สัจจะในชุมโจร (เสือสั่งฟ้า 3)
ปัจจุบันเป็นนักแสดงอิสระ มีผลงานแสดงแรกหลังเป็นนักแสดงอิสระด้วยซีรีส์ฟอร์มยักษ์ “สาปภูลังกา” ตามด้วยซีรีส์ “เด็ดดวงโจร” และซีรีส์ “งู x คนทรงเจ้า” ทาง MONOMAX
รวมถึงซีรีส์ “เอเลี่ยนตาฮัก รักนะนายต่างดาว” Love You 10 Million Miles ที่กลับมาเล่นคู่กับนางเอกสาว กรีน
อัษฎาภรณ์ ในรอบ 10 ปี
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก IG : @bigm_krittarit