มนุษย์ออฟฟิศในแต่ละวันใช้สายตาในการทำงานอย่างหนัก ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เป็นเวลานานๆ นอกจากนั้นยังอาจได้รับอันตรายจากแสงแดดตามธรรมชาติและจากแหล่งกำเนิดแสงต่างๆ ซึ่งกลายเป็นภัยคุกคามดวงตา และนำไปสู่สารพัดโรคทางตาได้
โรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคต้อเนื้อ โรคต้อลม โรคจอประสาทตา และโรคความผิดปกติทางสายตาต่างๆ คืออันดับต้นๆ ของโรคทางตาที่มักพบบ่อยในคนไทย เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็น และสายตาเลือนลาง เพราะพฤติกรรมการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง
หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีพฤติกรรมที่ทำร้ายดวงตา จึงอยากชวนมาสำรวจพฤติกรรมเบื้องต้นด้วยตัวเองกันว่ามีพฤติกรรมที่เสี่ยงเหล่านี้หรือไม่ เพื่อที่จะรักษาอย่างทันท่วงที
เช็กพฤติกรรมของคุณ ทำร้ายดวงตาหรือไม่?
- จ้องจอนานๆ ก่อสารพัดโรค เพราะความสว่างหน้าจอที่ไม่เหมาะสม หรือการจ้องจอโทรศัพท์ จอมอนิเตอร์เป็นระยะเวลานาน จะทำให้เราต้องเพ่งใช้สายตามากขึ้น ส่งผลต่อความผิดปกติของค่าสายตาได้ และยังทำให้เกิดการปวดตา เมื่อยล้า ตามัวได้
- ออกกลางแจ้งไม่สวมแว่นกันแดด รังสียูวีจากแสงแดดส่งผลต่อจอประสาทตาได้โดยตรง และยังทำให้เกิดทั้งต้อลมและต้อเนื้อได้
- ทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แสง อาจเสี่ยงต่ออาการต่างๆ เช่น จอประสาทตาเสียหายหรือเกิดการไหม้ กระจกตาถลอกจากแสงจ้ามากๆ อาการปวดตาเรื้อรัง น้ำตาไหลตลอดเวลา ปวดกระบอกตา
อาการบ่งบอกดวงตากำลังถูกทำร้าย!
- ตาล้า ปวดเบ้าตา
- ตามัวเฉียบพลัน
- เคืองตา รู้สึกตาแห้ง หรือมีน้ำตาไหลมากขึ้น
- ค่าสายตาคลาดเคลื่อนมาก หรือมีระดับสายตาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- มีความดันตาสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน
- อาการเห็นจุดดำตรงกลาง หรือมีเงามืดในลานสายตา
- เห็นแสงวาบเหมือนฟ้าแลบ หรือเห็นจุดดำลอยไปมาตามการกลอกตา
หากใครมีอาการเหล่านี้อย่าละเลย ควรรีบพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจรักษาโดยทันที ป้องกันการสูญเสียการมองเห็น
นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญของการตรวจตา ควรพบจักษุแพทย์ปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจค้นหาโรคทางตา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางตาสูงกว่าคนทั่วไป 5-7 เท่า
การตรวจคัดกรองดวงตาไม่เพียงช่วยให้ค้นพบความผิดปกติของดวงตาในระยะเริ่มแรก แต่ยังช่วยให้ค้นพบโรคเกี่ยวกับดวงตาในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งการตรวจคัดกรองดวงตาจะช่วยให้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่อาการจะรุนแรง และช่วยลดการสูญเสียการมองเห็นได้
ที่มา : โรงพยาบาลบางปะกอก 9
